ประวัติ หลวงตาบุญชื่น
วันที่ 18 ต.ค.นี้ ‘หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ’ เตรียมจาริกธุดงค์เท้าเปล่าอีกครั้ง โดยเส้นทางคร่าวๆคือเริ่มที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เลาะตะเข็บชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอแม่สอดจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่เชียงราย พะเยา น่าน มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนมแผ่นดินเกิด
1.รองเท้าไม่ใส่
2.ปัจจัยไม่รับ
3.ยานพาหนะไม่นั่ง
4.ฉันทีในอาสนะเดียว
5.นอนไม่มีกลดไม่มีมุ้ง
6.ครองไตรจีวร

เดิมเป็นชาวบ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เคยเป็นทหารเกณฑ์และไปสู้รบในสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดพลกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี และเคยผ่านการฝึกรบพิเศษ ก่อนปลดประจำการพร้อมเหรียญทหารผ่านศึก แต่งงานมีลูกทั้งหมด 4 คน หลังสร้างครอบครัวได้ขอครอบครัวลาบวช และชอบศึกษาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรม ตั้งแต่ปี 2552 และออกแสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่จำวัดตามป่าเขา และจำพรรษาในถ้ำเตียงสิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ต่อเนื่อง 4 ปี

กระทั่งปี 2559 ได้ตั้งมั่นจาริกธรรม เดินธุดงค์มาจากภาคเหนือ ได้ตั้งมั่นเดินธุดงค์ด้วยเท้ากลับมาบ้านเกิดที่ จ.นครพนม ในระหว่างทางมีญาติโยมนิมนต์ขึ้นรถเพราะสงสาร เห็นอายุมาก แต่ต้องการบำเพ็ญเพียร แสวงบุญ ตามรอยหลวงปู่มั่นฯ ไม่ขอขึ้นรถ ไม่ต้องช่วยขนสัมภาระ ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า
ทั้งนี้ จากการสอบถาม หลวงตาบุญชื่น เคยเปิดเผยถึงเส้นทางชีวิตว่า หลังตนสร้างฐานะครอบครัว แต่งงานกับ นางตาล อุ่นเพียรโสม อายุ 67 ปี ตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี ลูกด้วยกัน 4 คน สร้างฐานะครอบครัว มาตลอดร่วม 40 ปีทำไร่ทำนา จนอายุ 60 ปี ได้ตัดสินใจลาบวช เมื่อปี 2552 โดยครอบครัวไม่ขัดข้อง เพราะตนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา

รวมถึงอยากปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรภาวนา ตามรอยพระเกจิชื่อดัง หลวงปู่มั่น เพราะเชื่อว่าจะเป็นหนทางสู่ความสงบสุข ตัดทางโลกสู่ทางธรรม จึงเริ่มตัดสินใจ เดินจาริกธุดงค์เท้าเปล่า ในช่วงก่อนเข้าพรรษาประมาณ 1 เดือน ทุกปี เพื่อมุ่งหน้าไปตามวัดที่สำคัญ ไปกราบนมัสการพระชั้นผู้ใหญ่ และจำพรรษา
ปีแรกมุ่งหน้าสู่ จ.เชียงราย เมื่อปี 2559 ไปกลับเหนืออีสาน หลังจากออกพรรษา จะเดินธุดงค์กลับบ้านเกิด ณ ที่พักสงฆ์ชั่วคราว ท้ายหมู่บ้านเสาเล้าใหญ่ หมู่ 2 ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ที่ลูกหลาน ญาติ ทำไว้ให้ ซึ่งต่อเนื่องมาทุกปี ถึงแม้จะรู้ว่า ครอบครัว เป็นห่วง แต่ตนได้สั่งไว้ว่า ตายที่ไหนเผาที่นั่น ได้สละสังขารสู่ทางธรรมแล้ว ส่วนใหญ่ญาติจะติดตามได้จากข่าวเท่านั้นไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ เมื่อหลายปีก่อน เคยไปธุดงค์จำพรรษาในพื้นที่เขาภูพาน ถ้ำเตียง สิริขันธ์ เทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่องถึง 4 ปี
สำคัญที่สุดตนไม่ต้องการรับสิ่งของปัจจัย เพราะกิจของสงฆ์จะต้องไม่ขาด มีแค่ บิณฑบาต ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนา และศึกษาธรรมมะ มาถึงวันนี้ชีวิตไม่ได้กังวล เพราะสละทุกอย่างแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ตราบใดเดินไหวยังจะแสวงบุญทุกปี
ขอบคุณที่มา..ของประวัติหลวงตา