ปลดล็อคผู้ประกอบการรายเล็ก ผลิตเหล้า-เบียร์ ฯลฯ จริงหรือ ? ลองอ่านได้ดู
รัฐบาล ชิงออกกฎกระทรวงปลดล็อกผลิตสุรา ปาดหน้ากฎหมาย ‘สุราก้าวหน้า’ ทั้งยกเลิกทุนจดทะเบียน-กำลังการผลิต สำหรับการค้า ส่วนในครัวเรือนผลิตดื่มได้เองไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี แต่ต้องนำมาให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบคุณภาพก่อน
ใบอนุญาตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ใบอนุญาตการผลิตสุราแช่และสุรากลั่นชุมชน
กรณีการค้า ในส่วน ‘สุราแช่’ เดิมคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตเบียร์ ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท หรือกำลังการผลิต 100,000-1,000,000 ลิตรต่อปี ซึ่งในกฎกระทรวงใหม่ยกเลิกทั้งหมด หมายความว่า ‘เบียร์โรงเล็ก’ ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และไม่จำเป็นต้องมี ‘กำลังการผลิตขั้นต่ำ’ ขณะเดียวกัน ทั้งตัวสินค้าและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบของกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และระเบียบของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“อันนี้จะเป็นการปลดล็อกให้กรณีที่เป็นการค้า คือผู้ประกอบอุตสาหกรรม และโรงใหญ่ก็จะได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกัน คือปลดล็อกทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิต” โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าว
กรณีที่ไม่ใช่การค้า วันนี้เราอนุญาตให้กรณีที่ไม่ใช่การค้าสามารถผลิตได้ ทำเอง ทานเอง บริโภคเองภายในครัวเรือนอันนี้สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1. ต้องขออนุญาตกับกรมสรรพสามิต
2. กำลังการผลิตในครัวเรือนจะต้องไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี
3. ต้องเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะไม่น้อยกว่าอายุ 20 ปีบริบูรณ์
4. สุรา เบียร์ สุราแช่อื่นๆ เมื่อผลิตแล้วจะต้องนำมาให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบคุณภาพก่อน เพื่อป้องกันสารปนเปื้อนต่างๆ ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
สุรากลั่นชุมชน
ส่วน ‘สุรากลั่นชุมชน’ โรงเล็ก เดิมต้องมีกำลังการผลิตไม่เกิน 5 แรงม้า กำลังคนไม่เกิน 7 คน วันนี้ขยายให้ ‘โรงขนาดกลาง’ มีกำลังการผลิตไม่เกิน 50 แรงม้า กำลังคนไม่เกิน 50 คน ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวช่วยให้การผลิตสุราชุมชน สามารถขยายตัวได้ เนื่องจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนในการผลิตก็จะถูกลง ขณะเดียวพอมี Economies of Scale ถูกลงแล้ว และในที่สุดจะส่งผลให้คุณภาพสุราดีขึ้น เราก็จะสามารถเปิดเป็น S, M, L จากเดิมที่มีแค่ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ไปเลย ตอนนี้ขนาดกลางจะสามารถทำได้ ซึ่งตรงนี้เป็นหัวใจหลักในการปรับแก้กฎกระทรวงนี้
รายชื่อผู้ได้รับอนุญาตทําสุราตามพระราชบัญญ – กรมสรรพสามิต
กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 แก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุราพ.ศ. 2560
“กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 แก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุราพ.ศ. 2560 พร้อมเปิดโอกาสให้การผลิตสุราสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ปลดล็อคทั้งในเรื่องทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิตขั้นต่ำ สามารถยกระดับสุราชุมชนจากขนาดเล็กไปสู่ขนาดกลาง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เปิดโอกาสธุรกิจให้เติบโตสามารถขยายกิจการได้ รวมถึงเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการนำสินค้าเกษตรมาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตยังคงให้ความสำคัญและคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย สาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีกรอบการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบตามมา”

กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ (2 พ.ย.65)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/2565/A/068/T_0001.PDF
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็ก จากที่ต้องใช้เครื่องจักรในการผลิตต่ำกว่า 5 แรงม้า และใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน ให้สามารถขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกลาง ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตสูงกว่า 5 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้า และสามารถใช้คนงานมากกว่า 7 คนได้ แต่ต้องไม่เกิน 50 คน แต่ทั้งนี้ ผู้ผลิตสุราชุมชนที่จะขยายกำลังการผลิตจากระดับเล็กเป็นระดับกลาง จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ หรือสุรากลั่นชุมชนขนาดเล็กมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เคยกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต หรือเคยกระทำความผิดและพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
2. ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำและทุนจดทะเบียนสำหรับทั้งกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) และโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมนั้น ในกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) จะต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 ลิตรต่อปีและไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี และกรณีโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลิตรต่อปี สำหรับทุนจดทะเบียนนั้น ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ กรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
3. เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และนิติบุคคลสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อขาย แลกเปลี่ยน หรือดำเนินการอื่นใดโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน และต้องมีปริมาณการผลิตสุราไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี อย่างไรก็ดี สถานที่ผลิตสุราต้องมีพื้นที่เพียงพอที่จะผลิตสุราโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น และมิใช่สถานที่ผลิตสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุรารายอื่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของการบริโภคสุราและมิติของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ









